เกษตรกรนนทบุรี ผันตัวปลูกอินทผลัม 3 ปี เก็บได้ 100 กิโลกรัมต่อต้น
หากกล่าวถึงผลไม้อย่างอินทผลัมเรียกได้ว่าเป็นที่นิยมปลูกเพื่อสร้างรายได้กันในช่วงนี้ โดยผลผลิตต่อต้นสามารถทำรายได้ให้เกษตรกรได้หลายกิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งทางเกษตรกรจังหวัดนนทบุรี ได้มีการทำพื้นที่จำนวน 100 ไร่ เพื่อปลูกต้นอินทผลัมจำนวน 500 ต้น ให้ผลผลิต 100 กิโลกรัมต่อต้น
คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์ เกษตรกรจังหวัดนนทบุรี ได้เล่าว่าที่ผ่านมาได้ปลูกโป๊ยเซียน เฟื่องฟ้า ลีลาวดี ชวนชม และไม้ประดับชนิดอื่นๆในพื้นที่จำนวน 100 ไร่ หลังจากนั้นก็หันมาปลูกอินทผลัมทั้งแบบการเพาะเมล็ดและปลูกแบบต้นที่ได้จากการเพาะเลี้ยง
ซึ่งปัจจุบันได้ผลดี คือปลูกจากต้นที่ขยายพันธุ์จากการเพาะเลี้ยง พันธุ์ที่ทางสวนปลูกคือ พันธุ์บาร์ฮี เพราะให้ผลที่แน่นอน ตอนแรกที่สวนก็ปลูกแบบเพาะเมล็ดด้วย แต่ว่าขุดทิ้งออกหมดแล้ว เพราะว่าให้ผลผลิตไม่แน่นอน
ตอนนี้ที่สวนมีพันธุ์บาร์ฮี ปลูกอยู่เป็นหลักร้อย ประมาณ 500 ต้น อายุต้นอยู่ประมาณ 2-3 ปี ต้นหนึ่งสามารถออกผลได้ตั้งแต่ 2 ปีหลังจากปลูกแล้ว เพราะว่าสภาพดินที่สวนเป็นดินเหนียวค่อนข้างจะอุดมสมบูรณ์ ส่วนราคาขายผลผลิตจะเป็นกิโลกรัมละ 500 บาท
ถ้าปลูกทุเรียนก็จะดี แต่ถ้าปลูกอินทผลัมก็จะดียิ่งกว่า เพราะว่าดินที่นี่สมบูรณ์มากกว่าที่อื่น ส่วนราคาต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยง อยู่ที่ต้นละ 1,500 บาท ซึ่งมีความแน่นอน
ส่วนตลาดอินทผลัม ถ้าทำให้มีคุณภาพยังไงก็ขายได้ ไม่ต้องห่วง คนมาซื้อวันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ มาอีกแสดงว่าผลไม้ต้นนี้ไปได้ไกลแน่ ชาวสวนคนไหนที่คิดจะปลูกต้องศึกษาสายพันธุ์ให้ดี พอศึกษาดีแล้ว โอกาสที่จะไม่กำไรก็มีน้อย ถ้าปลูกผิดสายพันธุ์อาจจะต้องขุดทิ้งไป
สำหรับใครที่คิดจะปลูกบาร์ฮี อย่างน้อยควรปลูกไว้ไร่หนึ่งประมาณ 25 ต้น เพราะต้นหนึ่งจะได้ประมาณ 20 จั่น ยิ่งต้นโตขึ้นจั่นก็จะมากขึ้นไปอีก อีกทั้งต้นอินทผลัมยังสามารถปลูกได้เกือบทุกภาค ยกเว้นแต่จังหวัดระนอง ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี เพราะว่าเป็นจังหวัดที่ฝนตกเยอะ
ขอบคุณข้อมูล sentangsedtee เรียบเรียง CHOKYONLINE